บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้สำหรับประชาชน ให้มีความเข้าใจและตระหนักถึงอันตรายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย อันนำไปสู่การลดการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร ?
สาเหตุเกิดจากเชื้ออะไร ? หลังรับเชื้อนานเท่าไรจึงจะมีอาการป่วย (ระยะฟักตัว) ?
ชื่อโรค |
สาเหตุ |
ระยะฟักตัว |
ซิฟิลิส |
เชื้อแบคทีเรีย
Treponema pallidum |
10 – 90 วัน (เฉลี่ย 21 วัน) |
หนองในแท้ |
เชื้อแบคทีเรีย
Neisseria gonorrhoeae |
2 – 7 วัน |
หนองในเทียม |
เชื้อแบคทีเรีย
Chlamydia trachomatis |
เฉลี่ย
7 วัน |
เริม |
เชื้อไวรัส Herpes simplex virus |
2 – 14 วัน |
เอชพีวี |
เชื้อไวรัส
Human papilloma virus |
3 เดือน จนถึงหลายปี |
อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นอย่างไร ?
ชื่อโรคติดต่อ |
อาการโรค |
ซิฟิลิส |
ระยะแรกจะมีแผลที่อวัยวะเพศ
เป็นขอบแข็ง ไม่เจ็บ ถ้าไม่ได้รักษา แผลจะหายได้เอง แต่โรคจะดำเนินต่อไป
มีผื่นขึ้นตามลำตัว ฝ่ามือฝ่าเท้า ทวารหนัก และช่องปาก ผมร่วง ปวดข้อ
ถ้ายังไม่ได้รักษาอีก โรคจะเข้าสู่ระยะสงบ ไม่มีอาการ
ทราบได้จากการตรวจเลือดเท่านั้น หลังจากนั้นอีกหลายปีจะเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรค
มีผิวหนังเป็นก้อนนูนแตกเป็นแผล กระดูกอักเสบ ตาบอด หูหนวก สมองพิการ
เส้นเลือดใหญ่ที่หัวใจโป่งพอง และเสียชีวิตในที่สุด |
หนองในแท้ |
ผู้ป่วยชายจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด
มีหนองข้นไหลออกจากปลายท่อปัสสาวะ ในขณะที่ผู้ป่วยหญิงอาจจะไม่มีอาการ
หรือมีอาการน้อย เช่น ตกขาว ถ้าไม่ได้รักษา
โรคจะลุกลามเกิดเป็นอุ้งเชิงกรานอักเสบ ท่อรังไข่ตีบตัน ท่ออสุจิตีบตัน
ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นหมัน ผื่นขึ้นตามลำตัวและเยื่อบุ ปวดตามข้อ |
หนองในเทียม
|
มีอาการปัสสาวะแสบขัด มีหนองใสไหลออกจากปลายท่อปัสสาวะ
บางรายอาจไม่มีอาการ ถ้าไม่ได้รักษา
โรคจะลุกลามเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ในลักษณะเดียวกับโรคหนองในแท้ |
เริม |
มีตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นกลุ่ม ร่วมกับอาการปวด
แสบ และคันบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก บางรายมีตุ่มน้ำใสขึ้นที่ริมฝีปาก
ในช่องปาก เมื่อมีการติดเชื้อเริมแล้วเชื้อจะหลบอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอจะสามารถทำให้เกิดโรคเริมกำเริบขึ้นได้ |
เอชพีวี |
ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหลังติดเชื้อ
จะแสดงอาการหลังติดเชื้อได้ 2 ลักษณะคือ อาการหูดหงอนไก่ มีลักษณะเป็นก้อนหรือติ่งเนื้อ ผิวขรุขระ และไม่เจ็บบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก
และอาการของโรคมะเร็งบริเวณอวัยวะเพศได้แก่ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งทวารหนัก |
สามารถติดโรคจากคนที่ไม่มีอาการ ภายนอกดูแข็งแรงปกติ ได้หรือไม่ ?
จะปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อสงสัยว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?
วิธีการป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำอย่างไรได้บ้าง ?
- การไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ การมีคู่นอนคนเดียวและคู่นอนไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้
- การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีและทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- การตรวจคัดกรองโรคหนองในแท้และหนองในเทียมปีละครั้ง โดยเฉพาะหญิงอายุน้อยกว่า 25 ปีที่มีกิจกรรมทางเพศบ่อย หญิงที่มีคู่นอนหลายคน หรือกลุ่มชายรักชาย และการตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิสอย่างน้อยปีละครั้งในกลุ่มชายรักชาย
- การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี สำหรับคนที่มีอายุ 9-45 ปี โดยเฉพาะก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี